หญิงสายทำบุญดวงเฮง ถูกรางวัลที่ 1 โชคใหญ่หล่นทับรับ 12 ล้าน

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่สุรินทร์ ดินแดนที่มีเกจิอาจารย์ชื่อดังอยู่หลายท่าน หนึ่งในนั้นคือ หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน ที่ท่านเป็นที่นับถือของประชาชนอย่างมาก เรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านก็คือ ท่าจะชอบฉีกแบงค์เป็นเศษๆให้คนเอาไปบูชา ใครมีไว้แม้เศษนิดเดียว ก็จะมีโชคมีลาภอยู่ตลอด

และเวลาท่านไปพักที่ไหน มักจะเขียนเลขไว้ที่ประตูหรือข้างฝา คนซื้อตามถูกหวยกันมาแล้วมากมาย ประสบการณ์การให้โชคให้ลาภให้เลขเด็ดนี่ไม่ต้องพูดถึง แม้ท่านจะมรณภาพไปนานแล้ว แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็ยังไม่ได้หายไปไหน ใครที่มากราบไหว้ หรือมีวัตถุมงคลของท่านในครอบครอง รับรองได้เลยไม่มีจน อุดมไปด้วยโชคลาภแน่นอน ข่าวนี้ก็เป็นอีกประสบการณ์นึง ที่เราได้เห็นกัน พูดแล้วก็อยากจะไปไหว้บ้างจัง อิอิ

(16 มี.ค.64) นางสุคนธ์ รักความสุข อายุ 68 ปี เป็นชาวบ้านที่หมู่ 6 ตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อลงบันทึกประจำวัน หลังจากที่ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 มีนาคม 2564 แล้วพบว่ามีสลากกินแบ่งรัฐบาลหมายเลข 890422 ซึ่งเป็นรางวัลที่ 1 จำนวน 2 ใบ รวมเป็นเงิน 12 ล้านบาท

ป้าสุคนธ์ รักความสุข ผู้โชคดี ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ได้เดินทางไปท่องเที่ยวทางภาคอีสาน และได้แวะไปกราบไหว้กระท่อมละสังขารของหลวงปู่สรวง ที่อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ โดยได้นำธูปขอโชคลาภติดตัวไปด้วย และเมื่อจุดธูปแล้ว ปรากฏว่าธูปได้ขึ้นเลข 622 จึงได้นำเลข 22 ไปหาซื้อตามแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่บริเวณตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งก็ได้สลากกินแบ่งหมายเลข 890422 มา

พอผลออกมาปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1 ก็สร้างความดีใจอย่างมาก ซึ่งก็ตั้งใจว่า เงินรางวัลที่ได้นอกจากจะจัดแบ่งเป็นเงินฝาก และใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว ก็จะนำเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญ เพื่อทำนุบำรุงศาสนา และเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ตนเองต่อไป

อนึ่ง หลวงปู่สรวง ท่านถือว่าเป็นเกจิอาจารย์ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาต่อชนชาวอีสานตอนล่าง อย่างสูง ตั้งแต่เมื่อครั้งยังมีชีวิตและถึงแม้ว่าท่านจะมรณภาพไปเกือบ 2 ทศวรรษแล้วก็ยังมิเสื่อมคลาย ด้วยความที่หลวงปู่สรวงท่าน สงบเงียบ พูดน้อย รักความสันโดษ จึงไม่ค่อยมีใครรู้ถึงความเป็นมาของหลวงปู่สรวง

แต่ชาวบ้านจะรู้จักท่านในรูปของนักบวชเชื้อสายเขมร ธุดงค์ตามเทือกเขาพนมดงรัก ข้ามไปมาระหว่าง 2 ประเทศ ชาวบ้านเรียกขานท่านตามภาษาเขมรว่า “ลูกเอ๊าะเบ๊าะ” หรือ “ลูกตาเบ๊าะ” หมายถึงพระดาบสผู้รักษาศีลและมีเมตตาธรรมสูง แต่คนไทยเรียก “หลวงปู่สรวงเทวดาเดินดิน” ซึ่งหากพบกับชาวบ้าน ท่านมักจะพูดและสอนว่า “ออย เตียน สรู ตึ๊กเจย” (แปลว่าให้มีสุขสบาย ข้าวดีน้ำดี อุดมสมบูรณ์ด้วยความพอเพียง)

ตลอดระยะเวลา หลวงปู่สรวงจะจำวัด ณ สำนักสงฆ์แห่งหมู่บ้านไพรบึงน้อย (วัดไพรพัฒนาปัจจุบัน) กับ กระท่อมหลังเล็กๆทั่วไปตามหัวไร่ปลายนา อยู่อย่างง่ายมีเพียงแผ่นไม้กระดานไม้ปูนอนก็เป็นที่พอใจ ส่วนใหญ่มักจะชอบป่าเขาลำเนาไพรมากกว่า

ในชุมชนทุกแห่งที่หลวงปู่จำวัด จะปักเสาไม้ไผ่ตั้งลำไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัด และเอาเชือกผูกโยงระหว่างกระท่อมกับเสาหรืออาจเป็นต้นไม้ในบางครั้ง แล้วจะแขวนว่าว ขนาดใหญ่ทำด้วยจีวรหรือกระดาษ ผูกไว้เป็นสัญลักษณ์

ที่สำคัญคือจะสุมกองไฟไว้ตลอดเวลา ไม่ว่ากลางวัน หรือกลางคืนและจะถือปฏิบัติเฉกนี้เป็นเอกลักษณ์ หลวงปู่สรวง กระทั่ง 8 กันยายน 2543 ท่านมีอาการอาพาธ และได้ละสังขาร 

หลวงปู่สรวง ท่านเป็นอริยสงฆ์ที่มีพลังบารมีธรรมในขั้นสูงรูปหนึ่ง แม้มิสำแดงตนในอิทธิปา-ฏิหาริย์ แต่ก็มีบางรายได้สัมผัสในความศักดิ์สิทธิ์ แล้วมาเล่าขานจากปากต่อปากจนเป็นที่เลื่องลือเลื่อมใส ในอดีตที่ผ่านเมื่อครั้งยังมีชีวิตได้ออกวัตถุมงคลหลายรุ่น และเมื่อละสังขารแล้วเหล่าศิษยานุศิษย์ก็มีการสร้างขึ้นมาเช่นกัน

อ่านจบแล้วใครผ่านไปสุรินทร์ ก็อย่าลืมไปไหว้หลวงปู่สรวงท่านได้ เผื่อท่านจะเมตตาให้โชคแบบคุณสุคนธ์บ้าง หรือไม่ไปหาเช่าพระที่ท่านเคยปลุกเสกไว้ หรือแบงค์ที่ท่านเคยปลุกเสกไว้ก็ได้ ซึ่งยังหาได้ไม่ยากจนเกินไป ผู้เขียนก็มี